ความเห็น: 2
หอคอยโตเกียว สัญลักษณ์แห่งการลอกเลียนและพัฒนา
จะมีใครรู้บ้างว่าหอคอยโตเกียว สูงกว่าหอ Eiffel ของ Paris 13 เมตร แค่ 13 เมตรเอง แต่แสดงถึงสัญลักษณ์ของญี่ปุ่นในเรื่องความสามารถในการ copy & development ได้เป็นอย่างดี ถ้าใครไปถามเด็กไทยอายุซัก 18 19 ด้วยคำถามว่ารู้ไม๊ว่าประเทศไหนเก่งสุดในเรื่องการ copy เด็กๆ คงตอบว่า จีน แล้วถ้าถามต่อว่ารู้ไม๊ว่าเมื่อก่อนใคร คำตอบที่ว่า ญี่ปุ่น คงไม่มีแน่ๆ แต่ในความจริง หลายคนคงรู้ว่า (ใครรู้แสดงว่าแก่แล้ว อิอิ) เมื่อก่อน ญี่ปุ่น คือเจ้าแห่งการ copy ฝรั่งมีอะไร ญี่ปุ่นมีอันนั้น ส่วนคุณภาพ ไม่ต้องถาม ผู้สูงอายุบางท่านตอนนี้ยังไม่ยอมขับรถญี่ปุ่นเลย ถ้าไม่มีเงินขับ เบนซ์ ก็ขับ Fiat (สมัยก่อน) หรือไม่ก็ Ford (แต่ปัจจุบันก็เป็นญี่ปุ่นไปแล้ว) ถ้าใครเคยได้ยินคำว่า รถกระป๋อง ที่มาก็มาจากรถญี่ปุ่นนี่แหละ เคาะตรงไหนมันก็กระป๋องไปหมด บาง ป๊องแป๊ง เหมือนกระป๋อง
ใครจะนึก ไม่กี่ปี ตอนนี้ถ้าลองไปถามฝรั่งว่า ของญี่ปุ่นเป็นไงบ้าง ฝรั่งยกนิ้วให้ นิ้วโป้งนะ ไม่ใช่นิ้วกลาง ยอมรับว่าของเค้าดีจริงๆ คนไทยก็คงเหมือนๆ กัน แต่อาจฝังใจเรื่องอดีตบ้าง ยังไม่เต็มร้อย คนญี่ปุ่นเองก็รู้เรื่องนี้ดี แต่ต้องยอมรับว่าเค้าเก่งจริงๆ เค้าไม่ได้ copy เท่านั้น เค้า develop ด้วย พัฒนาต่อยอดออกไป ทำให้ดีกว่า คนญี่ปุ่นจะเลี่ยงการใช้คำว่า copy แต่จะใช้คำว่า study foreign technologies แทน เก่งวิทย์ แล้วยังเก่งภาษาอีก ไปดูงานที่ไหน เอาวิศวกรไป ก่อนไปทำการบ้านไปเต็มที่ ไม่ต้องเห็น 100% ก็ได้ คิดต่อเองได้ reverse engineer ได้ สมัยนึงประเทศตะวันตกไม่ค่อยอยากให้ญี่ปุ่นเข้าไปดูโรงงาน เดี๋ยวนี้ไปที่ไหน ก็มีภาษาญี่ปุ่น เงินเค้าหนา
ช่วงนี้กระแสของการปกป้องสิทธิ์ทางทรัพย์สินทางปัญญา (Intellectual Property Rights, IPR) กำลังระบาด เมื่อก่อนคำว่า ทรัพย์สินทางปัญญา หรือ IP ของคนไทยคือ ลิขสิทธิ์ เท่านั้น ไม่รู้จักคำอื่นๆ ทั้งๆ ที่มี อีกหลายอย่าง ตั้งแต่ เครื่องหมายการค้า (Trademark) จนถึง king of IPs นั่นก็คือ สิทธิบัตร (Patent) คราวนี้ญี่ปุ่น ประเทศที่เคย copy รู้สึกผิด หรือกลัวก็ไม่รู้ เลยต้องทำตัวเป็นผู้ให้ความรู้ทางการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ให้ความรู้ประเทศกำลังพัฒนาต่างๆ เพื่อให้อย่าดำเนินรอยตาม (ทั้งๆ ที่ตัวเองทำแล้วประสบความสำเร็จ) โดยหารู้ไม่ว่า (หรือรู้ แล้วทำเป็นไม่รู้) จริงๆ แล้วถ้า copy แล้วขาด development ไม่มีทางเกิด ไม่มีทางเป็น "ญี่ปุ่นสอง" ได้อย่างเด็ดขาด จริงๆ ถึงแม้ว่าการปกป้อง IPR ซึ่งเป็นข้อตกลงระหว่างประเทศจะปกป้องไม่ให้เราลอกเลียนแบบ แต่กฎหมายก็ไม่ได้ห้ามเราทำ ยกตัวอย่างง่ายๆ สิทธิบัตรทั่วโลกมีเป็นล้านๆ แต่จดในประเทศไทยแค่ สองหมื่น แล้วสิทธิบัตรคุ้มครองเฉพาะในประเทศที่ยื่นจด จึงมีสิทธิบัตร หรือความรู้อีกมากมายที่ไม่ได้ถูกจดในไทย copy ได้ ถูกต้องตามกฎหมาย แต่จะแค่ copy อย่างเดียวคงทำให้ประเทศอื่นหัวเราะเอาว่าทำได้แค่นี้เหรอ คงต้องมี develepment เข้ามาร่วมด้วย ซึ่งจริงๆ แล้ว copy and development เป็นกระบวนการหนึ่งในการทำ R&D เพราะทุกครั้งที่เราจะทำวิจัย หนีไม่พ้นต้องทำ prior art search ไม่ว่าจะเป็น paper หรือ สิทธิบัตร หรือสมัยนี้ก็คงต้องเป็น website ต่างๆ ด้วย สุดท้ายหาก ไม่มี research หอคอยโตเกียวคงไม่สูงกว่า Eiffel หรือถึงสูงกว่าก็คงไม่คงสถิติ self-support tower ที่สูงที่สุดในโลกตั้งแต่สร้างมา จนถึงทุกวันนี้ นักเศรษฐศาสตร์มอง Eiffel เห็นถึงความ กินไม่ได้แต่เท่ ด้วยเหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ (เหตุผลที่ต้องมีการสร้าง Eiffel ให้ไปถามนักเศรษฐศาตร์เอาเอง หรือถ้ามีเวลาคงเอามาลงให้) แต่สำหรับ หอคอยโตเกียว คงไม่ใช่เพียงแค่ที่ตั้งของที่ส่งสัญญาณทีวี แต่หากเป็นความยิ่งใหญ่ของ ญี่ปุ่น ที่มาจากวัฒนธรรมที่เข้มแข็งนั่นเอง บันไซ
ความเห็น
![]() |
ผมคงเป็นแค่ส่วนเล็กๆ เท่านั้นครับ ยังไงก็ขอบคุณที่มา comment นะครับ
18 October 2007 20:53
#320