วลัยลักษณ์เกมส์: กีฬาสกอ.ครั้งที่ 31

กลับจากบ้านกรูดในวันที่ 16 เมษายน 55 ผมก็ต้องเดินทางไปท่าศาลาเพื่อร่วมแข่งขันกีฬาบุคลากร สกอ. ในประเภทกีฬาเทนนิส ระหว่างวันที่ 17-25 เมษายน 55 อีกครั้ง การเป็นผู้จัดการทีม ทำให้ต้องเดินทางไปก่อนเพื่อดูแลการจับสลากสายแข่งขัน ตามหน้าที่ผู้จัดการทีมครับ

ผมก็พยายามจะบันทึกให้ครบถ้วนเพื่อที่ภายหลังจะได้กลับมาดูได้อีกครั้ง เพราะรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้บันทึกบางสิ่งบางอย่างไว้ในอดีตไว้หลายอย่างด้วยกัน

ในครั้งนี้ มีทีมเข้าร่วมแข่งขันน้อยลงครับ อาจเป็นเพราะกำหนดการแข่งขันที่เปลี่ยนไป หรือสถานที่ที่ไม่อาจจูงใจได้มากเหมือนเชียงใหม่ในปีที่ผ่านมาก่อนหน้านี้ก็ได้

ผลการแข่งขันประเภททีมออกมาดังนี้ครับ

สาย A: ขอนแก่น(แชมป์เก่า) วลัยลักษณ์(เจ้าภาพ เลือกอยู่สายนี้) และมทร.อีสาน

สาย B: จุฬาลงกรณ์ (อันดับ3) มหิดล สงขลานครินทร์ และลาดกระบัง

สาย C: เชียงใหม่(รองแชมป์) มศว. และธรรมศาสตร์

สาย D: บูรพา (อันดับ3) ศิลปากร เกษตรศาสตร์ และรามคำแหง

การแข่งขันรอบแรกพบกันหมดเอา 2 ทีมแต่ละสายไปเข้ารอบต่อไป ที่ 1 สาย A พบที่ 2 สาย B อะไรทำนองนี้ล่ะครับ ดูสายการแข่งขันแล้วผมก็บอกกับทีมว่า ต้องพยายามเป็นที่ 1 ในสายไว้ก่อน และก็โชคไม่ดีที่รอบแรกก็ต้องเล่นกับจุฬาฯ ซึ่งก็ยังไม่รู้ว่ามาเต็มทีมหรือไม่ ก็ต้องวางตัวไปให้เต็มที่ไปก่อนครับ

ผลก็ปรากฎว่าเราแพ้อย่างไม่ได้ลุ้นครับ ชนะไปเพียงคู่เดียวคือคู่หญิง ซึ่งจุฬาฯ ไม่ได้พามือ 1 และ 2 มาด้วย คู่ชายรวม 100 ปี คู่ผสม คู่ชายรวม 70 ปี (ผมลงเล่นประเภทนี้ครับ (ฮา) อายุจริงของผู้เล่นรวมได้ 107 ปีครับ) และคู่ชายทั่วไปแพ้หมดครับ

รอบบ่าย เราแข่งกับมหิดลครับ มหิดลมาไม่ครบทีม เราก็ชนะไปทั้ง 5 คู่

19 เมษายน ลงแข่งกับลาดกระบัง เราชนะไป 4: 1 แพ้ในคู่ชายอายุรวม 100 ปีเพียงคู่เดียวครับ เราก็เลยได้อยู่แข่งต่อในวันต่อไป ซึ่งต้องไปพบแชมป์เก่าขอนแก่น และในเย็นนี้เอง เราและทีมขอนแก่นก็ไปกินอาหารเย็นที่ร้านเดียวกัน เรามีน้องใหม่ (หมอต่อ) ไปร่วมแข่งด้วย แว่วว่าหมอต่ออยากเล่นกับ ธนากร ศรีชาพันธุ์ ด้วยความที่สนิทสนมกัน เราก็บอกทีมขอนแก่นไปว่า จัดให้ธนากรลงประเภททั่วไปน่ะ จะได้เล่นกับหมอต่อ ซึ่งขอนแก่นก็จัดให้ตามที่ขอครับ

ก็เป็นไปตามคาดหมายครับ เราแพ้ไปใน 3 คู่แรก คู่ที่เหลือก็ไม่ต้องแข่งแล้ว สรุปว่าประเภททีมนั้นเราก็อยู่แค่ 8 ทีมสุดท้ายครับ

จากนั้นก็เริ่มแข่งประเภทบุคคล(ประเภทคู่) ซึ่งก็มีหลายประเภทเพิ่มขึ้น ผมก็สรุปในประเภทที่ทีมเราได้เหรียญดังนี้นะครับ

เหรียญเงิน: ประเภทคู่ผสม 40 ปีทั้งหญิง-ชาย คือ นารี-ศุภชาติ คู่นี้น่าเสียดายที่ศุภชาติบาดเจ็บต้องยอมแพ้ในรอบชิงครับ ชนะเลิศคือทีมธรรมศาสตร์

เหรียญทองแดง: ประเภทคู่ผสม 40 ปีทั้งหญิง-ชาย คือ สุมรวดี-อาวุธ

เหรียญทองแดง: ประเภทหญิงคู่ทั่วไป คือ นารี-จุฑารัตน์ (เป็นเหรียญแรกบุคคลของคุณจุฑารัตน์)

เหรียญทองแดง: ประเภทชายคู่ 55 ปี คือ สมศักดิ์-ชาคริต เหรียญนี้จับสลากได้ครับ คือเราเป็นมือวางเพราะได้เหรียญทองแดงปีที่แล้ว ไม่ต้องแข่งรอบแรก พอรอบต่อมาคู่แข่งขันก็ไม่มาแข่งขัน ก็ชนะ bye ไปอีก ซึ่งถึงตรงนี้ ก็เหลือ 4 ทีมแล้ว รอบต่อไปพบแชมป์เก่าเชียงใหม่ ซึ่งเราก็แพ้มาในปีที่แล้ว ปีนี้ก็แพ้อีก ดังนั้นปีนี้ทีมเชียงใหม่ก็เข้าไปชิงกับ มศว.ซึ่งมีอดีตทีมชาติ ประเสริฐ ข่ายม่าน เล่นด้วยและมศว.ก็ได้แชมป์ไปในปีนี้

ก็เป็นช่วงเวลาที่ได้ผ่อนคลายมากสำหรับผมครับ เพราะไม่ต้องคิดอะไรมาก วันๆก็ไปเดินเตร็ดเตร่อยู่แถวสนามเทนนิส ดูเทนนิส คุยกับเพื่ิอนๆ ต่างสถาบัน ปีหน้าบูรพาเป็นเจ้าภาพ ผมเองก็สนิทสนมกับทีมบูรพามากครับ ทั้งๆที่เป็นคู่แข่งขันกันมาหลายปีแล้ว ก็เตรียมจองที่พักในปีหน้าไว้ก่อนแล้ว

ผมก็สะสมสินทรัพย์เครือข่ายทางสังคมอยู่เรื่อย ๆ ละครับ

ผม..เอง