ความเห็น: 3
ความคล้ายคลึงที่แตกต่างของ TEM
ช่วงนี้มีลูกค้าติดต่อมาเกี่ยวกับการถ่ายภาพด้วยกล้อง TEM
พร้อมส่ง paper มาให้ดูด้วย
ว่าที่ญี่ปุ่นเค้าทำยังไง
ผลปรากฏว่าที่โน่นเค้าใช้ TEM JEM-3000F ของบริษัท JEOL
บริษัทเดียวกับของศูนย์ฯ เราเลย
ชื่อรุ่นก็คล้ายกัน
ของเราคือ JEM-2010
แหมดูชื่อรุ่นก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่นะคะ
เดี๋ยวจะเปรียบเทียบให้ดูกับรุ่นที่ใกล้เคียงกับของเรายิ่งขึ้น
คือรุ่น JEM-2000F และ รุ่น JEM-2200FS ดูแล้วนึกว่า spec คงไม่ต่างกัน
แต่เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่า
ความแตกต่างของชื่อรุ่นนี่จริงๆ แล้วมันต่างกันลิบลับขนาดไหน

*http://www.microscopy.ou.edu/jeol-2010f.shtml
**http://www.materials.kiev.ua/science/CKKP/JEM-2100F.pdf
***http://www-em.materials.ox.ac.uk/oare.php?instrument=JEOL+JEM-2010
**** http://www.york.ac.uk/res/nanocentre/facilities/fetem.htm
นี่ขนาดว่าใช้ kV พอๆ กัน field emission ยังทำได้ขนาดนี้
แล้ว paper นั้นบอกว่าใช้เครื่อง 300 kV คิดดูซิคะว่าความสว่างมันจะต่างกันลิบลับขนาดไหน
เพราะยิ่งใช้ kV มาก ความสว่างก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น และ resolution ก็จะยิ่งดีขึ้นด้วยค่ะ โดยเฉพาะที่กำลังขยายสูงมากๆ
เท่านั้นยังไม่พอ มาดูรูปกันให้เห็นจะจะ กันไปเลย

ภาพนี้เป็นภาพถ่ายทองคำที่มีขนาดระดับนาโน ถ่ายด้วยกล้อง TEM ธรรมดา
สังเกต scale นะคะ 33.3 nm
ส่วนอีกภาพข้างล่างเป็นภาพถ่ายทองคำที่มีขนาดระดับนาโนเช่นกัน
ต่างกันตรงที่ถ่ายด้วยกล้อง TEM ที่เป็นแบบ field emission

โปรดสังเกต scale นั่นน่ะ 1 nm ซึ่งก็คือ 1x10^-9 m ถ้าจะให้ประเมินดูคร่าวๆ ภาพนี้ต้องใช้กำลังขยาย (magnification) ประมาณ 10 ล้านเท่า หรือไม่ก็ใกล้เคียง ^O^ (โอ้วแม่เจ้าาาาาา)
แถมภาพที่ออกมาดูยังกะภาพ3มิติ ซึ่ง TEM ธรรมดาทำได้แค่ 2 มิติ
แล้วส่วนใหญ่เครื่องที่เป็น field จะมี mode สำหรับแปลงให้ภาพเป็น 3 มิติอยู่แล้ว
แหมอะไรมันจะดีขนาดนั้น
แต่ก็นั่นละนะ ราคาไม่ต้องพูดถึง สูงสยอง
ยิ่งถ้ามี EDS เพิ่มเข้ามาด้วย และที่สำคัญที่ขาดไม่ได้คือ CCD camera (แต่ยังไงซะกล้องดีขนาดนี้ไม่มี EDS กับ CCD camera ไม่ได้อยู่แล้ว)
สรุป วันนั้นลูกค้าถามว่าแล้วมันต่างกันขนาดไหน ระหว่าง TEM ธรรมดากะ field emission เลยตอบลูกค้าไปว่า
เหมือนขี่มอเตอร์ไซค์กะรถยนต์นั่นแหละค่ะ
จบ
บันทึกอื่นๆ
- เก่ากว่า « เก็บขี้ไก่
- ใหม่กว่า » How could gold save my life?
07 กรกฎาคม 2553 15:30
#58570